โรงงานผลิตพลาสติก ไมตรี อุตสาหกรรม ให้บริการผลิตงานพลาสติกหลายประเภท คุณภาพเยี่ยม
รับผลิตสินค้าพลาสติก จากแม่พิมพ์ของเรา
โรงงานไมตรีอุตสาหกรรม
เริ่มต้นธุรกิจด้วยการผลิตหวีเมื่อ 39 ปีที่แล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเราก็มุ่งมั่นในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองจนเป็นโรงงานผลิตพลาสติกด้วยกระบวนการผลิตแบบการฉีดขึ้นรูป หรือ Injection Molding ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจชั้นนำและลูกค้า SME มากมาย ด้วยความตั้งใจที่จะให้คุณค่าที่ดีที่สุดกับลูกค้าผ่านสินค้าที่มีคุณภาพและร่วมมือกับลูกค้าเพื่อทำให้ทุกโปรเจคประสบความสำเร็จ ตรงเวลา ด้วยต้นทุนที่คุ้มค่าที่สุดค่ะ
บริการของเรา
บริการของเราแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
- การผลิตพลาสติกตามแบบที่ลูกค้าต้องการ
- การรับผลิตสินค้าพลาสติกด้วยแม่พิมพ์ที่เรามีอยู่แล้ว
ความแตกต่างของการให้บริการทั้งสองประเภทนี้มีหัวใจสำคัญอยู่ที่เรื่องความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก คือ หากลูกค้าต้องการผลิตสินค้าที่เราไม่มีแม่พิมพ์เป็นของตัวเอง ต้องออกแบบใหม่ ก็จะเป็นการผลิตตามแบบไป แต่หากลูกค้าต้องการผลิตสินค้าบางอย่างที่เรามีแม่พิมพ์อยู่แล้ว เช่น ซีลพลาสติกปิดถังแก๊ส หวี ช้อนส้อม หรือ ลิ้นชักอเนกประสงค์ ก็สามารถสั่งผลิตกับเราได้เลยโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำแม่พิมพ์ใหม่นั่นเองค่ะ
ปริมาณขั้นต่ำในการผลิต MoQ
เนื่องจากปริมาณการผลิตมีผลโดยตรงต่อต้นทุน ถ้าผลิตน้อยชิ้นจนเกินไปก็จะไม่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เราเสียไปในแต่ละครั้งได้ ดังนั้นปริมาณขั้นต่ำของเรา คือ ผลิตจำนวน 3,000 - 5,000 ชิ้นขึ้นไปต่อหนึ่งแบบ หนึ่งสี ในการผลิตหนึ่งครั้ง โดยปริมาณขั้นต่ำนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะและขนาดของชิ้นงานด้วย พวกเราให้บริการทำ rapid prototyping เพื่อเก็บรายละเอียดก่อนจะยืนยันแบบสุดท้ายเพื่อดำเนินการผลิตจริงด้วย ซึ่งปริมาณในการทำ prototype นั้นไม่มีขั้นต่ำค่ะ พวกเรายินดีให้คำปรึกษากับคุณลูกค้าผู้สนใจทุกท่าน สามารถติดต่อเข้ามาพูดคุยกับเราเพื่อสอบถามเรื่องการผลิตก่อนได้หากไม่แน่ใจค่ะ :)
ระยะเวลาในการผลิต
กระบวนการผลิตตั้งแต่เริ่มต้นพูดคุย สรุปแบบชิ้นงาน ทำแม่พิมพ์ ทดลองผลิตและดำเนินการผลิตจริง จวบจนถึงการจัดส่งสินค้ากินเวลาประมาณ 2 - 2.5 เดือน โดยที่เวลาส่วนใหญ่จะแบ่งไว้สำหรับการจัดทำแม่พิมพ์ซึ่งเป็นงานที่อาศัยความเชี่ยวชาญและจำเป็นต้องใช้เวลาเพราะมีความละเอียดสูง เมื่อทำมาแล้วจะใช้ผลิตงานในระยะยาวจึงต้องให้เวลาในส่วนนี้มาก
เราควรผลิตแบบไหน? มีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร
การผลิตทั้ง 2 ประเภทตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ไม่เหมือนกัน จึงไม่ได้มีข้อดีหรือข้อเสียที่ชัดเจน ถ้าลูกค้าต้องการผลิตสินค้าที่เป็นการออกแบบพิเศษ เป็น design หรือนวัตกรรมของตนเองเท่านั้น โดยที่ได้ประเมินแล้วว่าไม่มีสินค้าที่ลักษณะหน้าตาใกล้เคียงหรือมีคุณสมบัติเดียวกันในท้องตลาดที่สามารถหาซื้อมาจำหน่ายได้ด้วยต้นทุนที่น้อยกว่า รวมทั้งลูกค้าต้องการผลิตสินค้าในจำนวนที่มากเพียงพอ (อย่างน้อยๆก็เท่ากับปริมาณขั้นต่ำ MoQ ที่ 3,000 - 5,000 ชิ้น) ก็ควรเลือกการผลิตตามแบบที่ต้องการ และลงทุนเปิดแม่พิมพ์ (mold) ใหม่เพื่อทำการผลิตต่อไปค่ะ
อย่างไรก็ตาม ถ้าลูกค้าได้ทำการศึกษาดูว่าสินค้าที่ทางโรงงานของเรามีแม่พิมพ์อยู่แล้วนั้นเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการทำไปจำหน่ายต่อ ลูกค้าอาจจะเห็นโอกาสใหม่ๆในตลาดที่กว้างขึ้น เช่น กล่องลิ้นชัก กระปุกใส ช้อนส้อม หวีพลาสติก กล่องทิชชู่ ลูกไข่กาชาปอง หรือสายรัดพลาสติก ก็จะแนะนำให้ผลิตกับเราแบบประเภทที่ 2 คือใช้แม่พิมพ์ของเราผลิตได้เลย นอกจากนี้พวกเรายังมีบริการใส่โลโก้หรือลวดลายสกรีนเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของคุณลูกค้า ทำให้มีเอกลักษณ์ได้
วิธีการผลิต
กระบวนการผลิตที่เรามีความเชี่ยวชาญคือ การผลิตแบบฉีดขึ้นรูปพลาสติก หรือ Injection Molding ซึ่งมีวิธีการคร่าวๆในการผลิตดังนี้ค่ะ
- จัดเตรียมเม็ดพลาสติกที่เป็นวัตถุดิบโดยการอบแห้งให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม และผสมกับเม็ดสีที่ต้องการ
- บรรจุส่วนผสมลงในถังกรวยของเครื่องฉีดขึ้นรูปพลาสติก จากนั้นเกลียวภายในเครื่องจักรจะลำเลียงวัตถุดิบไป
- ระหว่างนี้เม็ดจะถูกให้ความร้อนจนหลอมละลายมีลักษณะคล้ายยาสีฟันและดันไปสู่แม่พิมพ์
- เนื้อพลาสติกเหลวถูกฉีดเข้าไปในแม่พิมพ์ที่ถูกอบด้วยความร้อน
- จากนั้นแม่พิมพ์จะถูกลดอุณหภูมิลงเพื่อให้ของเหลวภายในเกิดการแข็งตัวตามรูปร่างของแม่พิมพ์
- แม่พิมพ์เปิดออกเพื่อปลดชิ้นงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้วลงมา
ชนิดของพลาสติกที่นำมาใช้
1.พลาสติก PP หรือ Polypropelyene (โพลีพรอเพลีน)
- เป็นพลาสติกที่สามารถขึ้นรูปได้โดยการใช้ความร้อนหลอมละลาย
- ความพิเศษของมันคือ มีน้ำหนักเบา หลอมเหลวไม่ยาก
- ถูกใช้อย่างแพร่หลายในการผลิตภาชนะและบรรจุภัณฑ์ใส่อาหาร
- เม็ดพลาสติก PP จะมีลักษณะสีขาวขุ่น แม้ไม่ทึบแสงแต่ไม่ใสทีเดียว
- เมื่อนำมาฉีดเป็นชิ้นงานแล้วจะมีคุณสมบัติคือทนต่อแรงกระแทกได้ และทนต่อรอยขีดข่วนได้ คงตัวไม่เสียรูปและแข็งแรง
- พลาสติก PP ยังสามารถทนต่อความร้อนสูงได้ โดยมีจุดหลอมเหลวที่ 165 องศาเซลเซียส
- การฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิ 100 องศาจึงทำได้อย่างสบายๆ แก๊สต่างๆ เช่น ออกซิเจนและไอน้ำ ก็สามารถซึมผ่านเข้าไปได้น้อย
- จึงเป็นวัสดุสำคัญในการผลิตเครื่องใช้ในห้องครัวเพื่อเก็บอาหาร
2.พลาสติก PS หรือ Polystyrene (โพลีสไตรีน)
- เป็นพลาสติกที่ขึ้นรูปโดยใช้ความร้อนเช่นกัน
- แต่ว่าจะมีคุณสมบัติแตกต่างจากชนิดอื่นๆ ตรงที่ มีความแข็งแรง แต่เป็นความแข็งที่ยืดหยุ่นจำกัด ไม่เหนียวเท่า
- สามารถเปราะแตกได้หากถูกกระแทกแรงๆ หรือตกจากที่สูง
- ชิ้นงานที่ทำจาก PS จะให้ความเงางามและความโปร่งใสคล้ายกับแก้ว
3.พลาสติก ABS
- ชื่อภาษาอังกฤษ Acrylonitrile-Butadiene-Styrene
- มีคุณสมบัติที่ดีมากคือ มีความหยุ่น เหนียว
- ลักษณะชิ้นงานจะออกสีขุ่นจึงนิยมใส่สีให้กับชิ้นงาน ABS
- ทนความร้อนและแรงเสียดสีได้ดี
- มีช่วงอุณหภูมิใช้งานกว้าง (ตั้งแต่ -20C ถึง 80C)
การนำพลาสติก ABS ไปใช้
- ด้วยคุณสมบัติที่มีความยืดหยุ่น เหนียว ทนทาน พลาสติก ABS จึงเหมาะกับการทำงานขึ้นรูปหลากหลายแบบ หรือชิ้นงานที่ต้องใช้ความร้อน
- นำไปใช้ผลิตพลาสติกหุ้มเครื่องใช้ไฟฟ้า
- ผลิตชิ้นงานที่มีงานกลไก เช่น ข้อต่อ หรือมีการบิด ดึง
- ABS จึงเป็นพลาสติกชนิดที่เหมาะกับงานด้าน วิศวกรรม Engineering Plastic และ Mechanics ด้วยค่ะ